Feature stories

3 ปัจจัยหลักที่ต้องรู้ หากแบรนด์ต้องใช้ Influencer Marketing

Share on facebook
Share on twitter
Share on email

หัวข้อที่น่าสนใจ

แน่นอนว่าเมื่อได้เริ่มธุรกิจสิ่งที่จะทำให้เติบโตและเป็นที่รู้จักได้นั่นคือการทำการตลาด โดยหากมองภาพกว้าง ๆ ก็สามารถทำออกมาได้หลากหลายรูปแบบตามความเหมาะสมของธุรกิจนั้น ๆ

แต่ถ้ามองถึงยุคที่เทคโนโลยีเข้าถึงทุกคนอย่างเช่นทุกวันนี้ แทบจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจอกับการทำการตลาดดิจิทัล เพราะผู้คนมักใช้เวลากับสื่ออนไลน์มากขึ้น และกลุ่มเป้าหมาย(ลูกค้า) ของเรานั้นอาจอยู่ในนั้นด้วย

และหนึ่งในการทำการตลาดออนไลน์นิยมกันมากก็คือใช้ “Influencer” ผู้ที่มีอิทธิพลในโลกออนไลน์ช่วยให้แบรนด์สามารถสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอโปรโมชั่น แนะนำสินค้าและบริการ

แต่หากต้องใช้การตลาดแบบ “Influencer Marketing” แบรนด์ควรต้องรู้ปัจจัยที่เป็นเหตุผลว่า Influencer Marketing นั้นเหมาะสมที่จำนำมาใช้กับแบรนด์หรือไม่ แล้วใช้อย่างไร ลองมาดู 3 ปัจจัยนี้กัน

คอนเทนต์และการสื่อสาร

เรียกว่าเป็นสิ่งแรก ๆ ที่ควรคำนึงถึงคือคอนเทนต์ของ Influencer เพื่อให้สอดคล้องไปกับแบรนด์และสินค้า

คงไม่เหมาะถ้าหากเราเลือกใช้ Influencer ที่มีความชอบและตัวตนที่แตกต่างกับแบรนด์จนเกินไป เพราะกลุ่มคนที่ติดตาม Influencer คนนั้น ๆ อาจไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์

ยกตัวอย่างเช่นแบรนด์ต้องการขายเสื้อผ้าแฟชั่น ก็ควรเลือกใช้ Influencer ที่มีการแต่งตัว, ไลฟ์สไตล์สอดคล้องกับเสื้อผ้าของแบรนด์ก็ถือว่าเหมาะสม

ขนาดของกลุ่มเป้าหมาย

ปกติแล้ว Influencer มักถูกแบ่งประเภทโดยวัดจากจำนวนผู้ติดตาม โดยแบ่งได้ 4 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้

  • Nano Influencer ผู้ติดตามน้อยกว่า 1,000 คน มีอิทธิพลหรือเป็นที่รู้จักในสังคมขนาดเล็ก ๆ สังคมเพื่อนรอบข้าง
  • Micro Influencer ผู้ติดตาม 1,000 ถึง 100,000 คน เป็นผู้ที่โดดเด่นในเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือมีความเชี่ยวชาญเฉพาะ มีแนวทางคอนเทนต์ที่ชัดเจน เช่น รีวิวอาหาร ท่องเที่ยว ความสวยความงาม เป็นต้น
  • Macro Influencer ผู้ติดตาม 100,000 ถึง 1,000,000 คน เป็นผู้ทำคอนเทนต์เป็นอาชีพ มีความโดดเด่น มีอิทธิพลต่อคนจำนวนมากสร้างการรับรู้ได้ดี
  • Mega Influencer ผู้ติดตามมากกว่า 1,000,000 คน มักเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงแบบออฟไลน์มาก่อน เช่น ดารา, นักแสดง, นักกีฬา, นักดนตรี เหมาะสำหรับการสื่อสารการตลาดแบบแมสที่ต้องการให้เกิดการรับรู้แบรนด์ในวงกว้าง

แน่นอนว่าแต่ละประเภทมีข้อดีข้อเสียอยู่ เช่น “Mega Influencer” เกิดการรับรู้เยอะจริง แต่กลุ่มเป้าหมายอาจไม่ตรงมากนัก หรือ “Micro Influencer” ที่อยู่ในสัดส่วนผู้ติดตามที่ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมที่ดีและมักใกล้ชิดกับผู้ติดตามในระดับนึง

ติดตามวัดผล

การติดตามวัดผลเป็นสิ่งที่แบรนด์ควรทำไม่ว่าจะเลือกใช้วิธีการทางการตลาดแบบใด และในส่วนของการตลาดแบบ Influencer ด้วยเช่นกันแบรนด์จำเป็นต้องติดตามวัดผลแคมเปญที่ทำร่วมกัน

การวัดผลหลัก ๆ อย่างเช่น การมีส่วนร่วมของผู้ติดตาม เกิดการรับรู้มากแค่ไหน ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถนำมาประเมินประสิทธิภาพของแคมเปญและตัว Influencer ที่เราเลือกใช้ได้ว่าท้ายที่สุดแล้วเหมาะสมกับแบรนด์จริง ๆ หรือไม่

สรุปแล้วก่อนทำแคมเปญทางการตลาดไม่ว่าจะเลือกใช้แบบใดก็ควรกำหนดวัตถุประสงค์ของแคมเปญให้แน่ชัด รวมถึงกลุ่มเป้าหมายและวิธีการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการวัดผลในท้ายที่สุด หากเราทำทุกอย่างอย่างมีแบบแผนก็เชื่อว่าแบรนด์จะสามารถเติบโตได้อย่างแน่นอน