Big Data : ในปัจจุบันโลกที่แต่ละตลาดมีคู่แข่งอยู่มากมาย ทำให้ธุรกิจต้องมีการเก็บข้อมูลของกลุ่มเป้าหมาย เช่น ข้อมูลการใช้งาน, ประวัติการซื้อสินค้าบริการ, ประเภทสินค้าที่ลูกค้าแต่ละคนชอบ รวมไปถึงวันเวลาการใช้งานของแต่ละแพลตฟอร์มการใช้งานอีกด้วย เพื่อใช้ในการวางแผน และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์แผนธุรกิจ
ทำให้โลกของการตลาดตอนนี้เข้าสู่ในยุค 5.0 ดาต้า แต่แรกเริ่มเดิมทีโลกของเราก็มีการใช้ดาต้ามาก่อนที่จะเป็นยุคดิจิทัลอยู่นานแล้วนะ
ในบทความนี้เราเลยจะพามาทำความรู้จักบิ๊กดาต้า , คุณลักษณะ และองค์ประกอบที่สำคัญ ไปจนถึงการนำบิ๊กดาต้ามาใช้ประโยชน์ต่อธุรกิจเราได้ยังไง ถ้าอยากศึกษาเพิ่มเติมแล้วก็ตามไปอ่านด้วยกันได้เลย!
ทำความรู้จักยุคดาต้า ที่ Big Data มีอิทธิพลในตลาด
รู้รึเปล่าว่ายุคดาต้านั้นอยู่กับเรามานานแล้วนะ แต่! พึ่งกลายเป็นยุคของบิ๊กดาต้า เพราะเทคโนโลยีนี่แหละ ซึ่งยุคดาต้าเริ่มมาตั้งแต่ที่คนเราต้องมีการใช้ข้อมูลแลกเปลี่ยน และสื่อสารกัน ซึ่งเริ่มมาชัดเจนในตอนที่มี “คอมพิวเตอร์” เกิดขึ้นในโลก
แต่ยุคสมัยนั้นยังไม่มีอินเทอร์เน็ตที่สามารถแชร์ข้อมูลสิ่งต่าง ๆ หากันแบบข้ามโลกได้ ซึ่งก็ใช่ว่าจะหมดทางออกที่คนเราจะส่งต่อข้อมูลไม่ได้ เพราะเรามี ‘CD, ตลับเทป หรือเทปคาสเซ็ท’ กัน หลังจากนั้นพอเริ่มมีอินเทอร์เน็ตทั้งซีดี และเทปคาสเซ็ทก็เริ่มเลือนหายไป เพราะทุกคนสามารถแชร์ข้อมูล พูดคุย สนทนา รวมถึงการคอลเห็นหน้ากันได้ง่าย ๆ เพียงแค่คลิกเดียว จนพัฒนากลายเป็นยุคโซเชียลมีเดีย และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ “ยุค Big Data” นั้นเอง
Big Data คืออะไร?
ถ้าให้แปลตรงตัว ก็คงหมายถึงข้อมูลที่มีปริมาณมาก ๆ และซับซ้อน เนื่องจากหลังเริ่มยุคโซเชียลมีเดียทุกคนก็คงโพสต์ ช้อปแชร์ รวมถึงการขายของ และหาความรู้ ความบันเทิงบนโลกอินเทอร์เน็ตกันใช่มั้ยล่ะ? เพราะอย่างนั้นเลยทำให้เกิดข้อมูลปริมาณมากบนแต่ละแพลตฟอร์มที่เราใช้ เช่น ถ้าเราซื้อของออนไลน์ใน Shopee, Lazada, Lnwza ก็ย่อมมีข้อมูลการค้นหา, ประวัติการซื้อ การจ่ายเงินของแต่ละบุคคล หรือถ้าพูดให้เห็นภาพชัดกว่านี้ เวลาเราคิดไรไม่ออก บอกไม่ถูกก็ต้องถามอากู๋ หรือ “Google” คู่หูยามยากตอบทุกปัญหาที่เราสงสัย สิ่งที่เราพิมเสิร์ชหาถามไปก็ถือเป็นข้อมูลอย่างนึง ทำให้ดาต้าตอนนี้มีอยู่ทุกหนแห่ง
ทำไม Big Data ถึงสำคัญ แล้วมันมีประโยชน์ต่อธุรกิจเรายังไง?
ทุกวันนี้ตลาดมีคู่แข่งมากมายในทุกสายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็น อาหาร – เครื่องดื่ม, เทคโนโลยี ดิจิทัล, เสื้อผ้า, สื่อบันเทิง, อสังหาริมทรัพย์, การลงทุน ไปจนถึงการแพทย์ ทำให้แต่ก่อนที่ธุรกิจจะทำอะไรก็ได้ เพราะมีอยู่ไม่กี่เจ้าให้ลูกค้าได้เลือก กลับกลายเป็นเมื่อในแต่ละตลาดมีคู่แข่งเยอะ ผู้บริโภคก็สามารถเลือกแบรนด์สินค้า บริการ และธุรกิจได้ ทำให้ธุรกิจต้องหันมาใช้ดาต้า เพื่อหาข้อมูลให้ตรงใจลูกค้า และเอาชนะคู่แข่ง
จะเห็นได้ดาต้านั้นมีมากมายหลากหลายมากในยุคของบิ๊กดาต้า ซึ่งเราสามารถแบ่งคุณลักษณะของบิ๊กดาต้า (5V) ได้ดังต่อไปนี้
- Volume – ข้อมูลปริมาณมากเกินกว่าที่ฐานข้อมูลจะเก็บได้ เช่น ตลาดหุ้น, ข้อมูลในมือถือ
- Velocity – ข้อมูลที่เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เช่น ข่าว, ข้อมูลในโซเชียลมีเดีย, Sale data, หุ้น
- Variety – ข้อมูลที่มีความหลากหลาย ทั้งตัวเลข และข้อความ เช่น E-mail, VDO, รูปถ่าย, Post ในสื่อโซเชียลมีเดีย
- Veracity – ข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือ และมีความถูกต้อง
- Value – ความคุ้มค่าของการนำข้อมูลที่มีไปใช้ประโยชน์
เราขอแถมอีกคุณลักษณะหนึ่งที่ขาดไปไม่ได้ กับ “Visualization” ที่เป็นการทำให้ข้อมูลแสดงผลออกมา เพื่อเรานำไปใช้ต่อยอดต่อ แล้วประโยชน์ของบิ๊กดาต้า นั้นมีอะไรบ้าง ถ้าอยากจะทำเราควรต้องระวังแล้วเตรียมตัวยังไงบ้าง ใครที่อยากรู้ก็ตามไปอ่านต่อกันได้เลย!
หลักการและกระบวนการทำงานของ Big Data ที่ควรรู้
มาถึงตรงนี้แล้วบางคนคงเริ่มสนใจกับการทำบิ๊กดาต้า แล้วเพราะงั้นเราจะมาสอนหลักการให้ฟัง ซึ่งหลักการที่เป็นหัวใจหลักของการทำบิ๊กดาต้า แบ่งได้ 3 ด้าน คือ
- การรวบรวม และจัดเก็บข้อมูล (Storage)
การรวบรวม และเก็บข้อมูลถือเป็นขั้นตอนแรกในการทำบิ๊กดาต้า เนื่องจากเรามีข้อมูล กระจายอยู่หลากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเชิงปริมาณ ที่เป็นตัวเลขบ่งบอกจำนวน ขนาด ปริมาณ ฯลฯ หรือข้อมูลเชิงคุณภาพที่เป็นรูปภาพ วิดีโอ เสียงที่ถูกบันทึก เป็นต้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มักจะเป็นข้อมูลในรูปแบบ Unstructured Data ที่เป็นข้อมูลไม่มีรูปแบบ ต้องนำไปวิเคราะห์ และตีความมีถึง 80% ส่วนอีก 20% เป็นข้อมูลประเภท Structured Data ที่เป็นข้อมูลมีโครงสร้าง และระเบียบชัดเจน ง่ายต่อการนำไปวิเคราะห์ และตีความ โดยข้อมูลทั้งสองประเภทนี้ เราจะถูกนำมาเก็บรวบรวม และจัดหมวดหมู่แยกประเภท เพื่อให้เราสามารถดึงข้อมูลมาใช้ได้ง่าย และเหมาะแก่การนำไปวิเคราะห์ต่อ
- การประมวลผลข้อมูล (Processing)
หลังจากที่เรานำข้อมูลมารวบรวมและ จัดหมวดหมู่ ประเภทให้เหมาะสมแล้ว เราก็สามารถมาวิเคราะห์ดูความสัมพันธ์ และความขัดแย้งกัน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ตรงตามความต้องการของเรานั้นเอง
- การวิเคราะห์ และทำนายอนาคต (Analyze)
มาถึงขั้นตอนสุดท้าย เมื่อเรานำข้อมูลที่ได้มาประมวล เพื่อเป็นการจัดหมวดหมู่ และระเบียบเพื่อทำให้ง่ายต่อการวิเคราะห์ เราก็นำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์ เพื่อหาในสิ่งที่เราต้องการ เช่น การดูความสัมพันธ์ และแนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภค ความต้องการของตลาด และแนวโน้มกระแสที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หลังจากที่เราได้ข้อมูลตรงตามความต้องการ และวัตถุประสงค์ เราก็สามารถนำมาใช้วางกลยุทธ์การตลาดของธุรกิจเราได้นั้นเอง
การทำบิ๊กดาต้า นั้นถือเป็นนำข้อมูลในมือที่บริษัทเรามีมาใช้ประโยชน์ เพราะงั้นเรามาขอยกตัวอย่างประโยชน์ที่เกิดจากการใช้บิ๊กดาต้าโดยมาให้ทุกคนรู้จักกัน เพื่อใช้ยกระดับธุรกิจของเรากัน
เราจะใช้ Big Data มายกระดับธุรกิจอย่างไร?
- Business Insight: เข้าใจพฤติกรรม และความต้องการของลูกค้ามากขึ้น
เคยมั้ยที่เราจะเจอว่า ช่วยทำแบบสอบถามว่ารู้สึกดีกับสินค้าแบรนด์ไหนในโฆษณาของยูทูบ หรือก่อนเราจะสมัครแอปต่าง ๆ ก็มีให้เลือกหมวดหมู่ประเภทที่เราชอบก่อนที่เราจะได้ใช้จริง นั้นแหละคือการเก็บข้อมูลของลูกค้าแบบตรง ๆ หรือถ้าเก็บอ้อม ๆ ธุรกิจจะเข้าไปเช็กข้อมูลในแต่ละแพลตฟอร์มที่ลูกค้ามาใช้บริการกับเรา เช่น ลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าชิ้นนี้แล้วไปเลือกสินค้าชิ้นไหนต่อ หรือถ้ามีโปรโมชันมาลงแบบไหน เวลาใด จะเกิด Traffic กับร้านค้ามากที่สุด ฯลฯ
จากข้อมูลเหล่านี้ ที่เราได้จากทั้งแพลตฟอร์มที่ใช้บริการ หรือ AI รวบรวมข้อมูลมาให้จะทำให้เราเข้าใจในตัวลูกค้า (Customer Insight) และรู้จักลูกค้าในมุมใหม่ที่เราอาจไม่เคยรู้ โดยข้อมูลเหล่านี้เราสามารถใช้โฆษณา ประชาสัมพันธ์และนำเสนอสินค้าได้ตรงใจมากขึ้น
- Business Metamorphosis: สร้างธุรกิจใหม่ที่ให้ตรง Insight ของลูกค้า
ปัญหาของลูกค้า (Pain point) นั้นมีขึ้นมาใหม่ ๆ อยู่เสมอ แต่จะอยู่ที่ว่าธุรกิจจะหา Pain point ของลูกค้าเจอรึเปล่า? แล้วสามารถคิดหาสินค้าหรือบริการที่ตรงจุดและตอบโจทย์ของลูกค้าได้มากขนาดไหน
ยกตัวอย่างธุรกิจที่เล่นกับ Pain point ของคน เช่น ธุรกิจ Food delivery ที่เข้ามาแก้ปัญหาคนอยากกินร้านอาหารไกลบ้าน หรือขี้เกียจออกไปซื้อของเอง แถมพอมีการระบาดของเชื้อโควิด-19 อีกก็ยิ่งทำให้คนออกมาเดินเล่นไปไหนมาไหน หรือซื้อของนักกินที่ร้านไม่ได้ ธุรกิจนี้จึงมีความต้องการสูงเพราะแก้ปัญหาและตอบโจทย์ลูกค้านั้นเอง
- Business Strategy: วางแผนกลยุทธ์ พัฒนาศักยภาพด้านต่าง ๆ เพื่อก้าวนำธุรกิจคู่แข่ง
ถึงแม้บิ๊กดาต้า นั้นจะทำให้เรามีข้อมูลมากมายมหาศาลอยู่ในมือ ซึ่งข้อมูลในแต่ละอย่างนั้นมีสามารถนำมาเชื่อมโยง เพื่อที่เราเข้าใจในตัวลูกค้า และวางกลยุทธ์ให้เหนือกว่าคู่แข่งได้นั้นเอง โดยข้อมูลที่เรามีนั้นถ้าเรามีคนวิเคราะห์ และเชี่ยวชาญจะสามารถนำไปใช้ได้อย่างคุ้มค่า และมีประสิทธิภาพที่สุด
- Business Monitoring: รายงานผลการปฏิบัติงานของกระบวนการธุรกิจ และเฝ้าติดตามกิจกรรมธุรกิจ
“รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง” ถือเป็นคติจากสามก๊กที่ทุกคนต้องได้ยิน ซึ่งการใช้บิ๊กดาต้านั้นจะทำให้เราสามารถติดตามกิจกรรม และรู้ข้อมูลบางอย่างจากคู่แข่งของเราได้ ว่าคู่แข่งใช้อะไรอยู่ มีศักยภาพขนาดไหน เพื่อช่วยในการประเมิน และการวางแผนธุรกิจ รวมถึงกลยุทธ์ของบริษัทเรานั้นเอง
- Business Optimization : หาจุดสมดุล เพื่อลดต้นทุนในธุรกิจ
การหาจุดที่เหมาะสมถือเป็นศาสตร์ที่มีมานาน ซึ่งเราจะเห็นได้ว่ามีการวิจัยและพัฒนาสินค้าบริการใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพื่อให้ความ “พอดี หรือจุดสมดุล” เพื่อช่วยในการประหยัดแรง ต้นทุน รวมถึงเวลาด้วย ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเรามีธุรกิจโรงงานอาหาร แล้วทำผลิตภัณฑ์ถ้าเราใช้วัตถุดิบมากเกินความต้องการก็เป็นการสิ้นเปลืองงบอีก หรือถ้ามีน้อยไปก็ขาดไม่สามารถผลิตสินค้าได้ หรือธุรกิจที่ส่งออกสินค้า ถ้าเราซื้อสินค้าเกินความต้องการก็อาจเกิดการขาดทุน เนื่องจากสินค้าเกิดการเสื่อมสภาพ ชำรุด และเน่าเสียได้ ถ้าสินค้ามีน้อยกว่าความต้องการ ก็ไม่เพียงพอต่อลูกค้า และเราอาจเสียโอกาสช่วงทำกำไร รวมถึงทำให้ลูกค้าอาจมองเราในแง่ไม่ดีอีกด้วย เช่น มองว่าธุรกิจไม่มีศักยภาพที่จะ suit ความต้องการ
- Data Monetization : รู้มาก ก็สร้างรายได้ได้มาก
นอกจากการนำข้อมูลที่เรามีมาใช้ในการวางแผน โครงสร้างกลยุทธ์ของธุรกิจเราแล้ว เรายังสามารถนำข้อมูลที่ได้มาเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ขายข้อมูลให้กับบริษัทต่าง ๆ อีกด้วย หลายคนคงเห็นบริษัทที่รับ บริการวิเคราะห์ข้อมูล เนื่องจากการเก็บรวบรวมข้อมูล ตลอดจนการวิเคราะห์นั้นถือเป็นการใช้ทั้งต้นทุน และเวลาที่มาก ถ้าทำเองการใช้บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะจึงถือเป็นหนึ่งในทางเลือกที่หลายธุรกิจนิยมใช้
ในยุคนี้ดาต้ามีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งเราไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล เพราะดาต้ามีอยู่ทุกหนแห่ง แต่อยู่ที่ว่าธุรกิจจะสามารถหยิบมาใช้เป็นกลยุทธ์ หรือมองเห็นประเด็นที่ตรงตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้มากน้อยแค่ไหน
แต่การนำบิ๊กดาต้ามาใช้ก็มีข้อควรระวัง และประเด็นที่เราต้องกลับไปทำการบ้านอยู่ เช่น การขาดแคลนพื้นที่เก็บข้อมูล, การเลือกใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์ และแก้ไขปัญหาที่ผิด, การขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญ และผู้มีประสบการณ์ด้านนี้ ไปจนถึงการเลือกใช้เทคโนโลยีบิ๊กดาต้าสวนทางกับแผนขององค์กร และการจัดระบบบิ๊กดาต้าที่ไม่ดี
ถ้าอยากติดตามบทความดีๆ สามารถไปอ่านต่อได้ที่ link
Contact US
Line Official : https://lin.ee/Qtmh0wh
Instagram :
E – mail : masterplanmedia.th@gmail.com
Tel : 090 – 950 – 5544
ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก 1stcraft .The Self Made Oak