เป็นกระแสอยู่ช่วงนึงเลยก็ว่าได้กับ Disney+ ที่กำลังจะเข้าไทย แต่แอดกำลังเกิดความสงสัยว่า Disney+ จะไปรอดไหมน้า เพราะตอนนี้ตลาดไทยส่วนใหญ่ก็พูดถึงแต่ Netflix กันทั้งนั้น ตั้งแต่ Covid-19 ระบาดในไทยเมื่อปี 2020 จนถึงตอนนี้มีแต่ Netflix ที่เป็นกระแส เชื่อว่าหลายคนก็คงจะมีคำถามในใจเหมือนกับแอดกันนี่แหละ
ก็เลยลองหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์การตลาดที่น่าสนใจของ Disney+ ที่เปิดตัวไปแล้วในต่างประเทศ อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้แพลตฟอร์มนี้ยังคงยืนหนึ่ง แม้กระทั่งเจ้าใหญ่ตอนนี้อย่าง Netflix ที่ไม่อาจโค่นได้ลง
ดึงจุดแข็งของการทำ Branding สู่กระแสแฟนพันธุ์แท้ในโลกออนไลน์
ขอพูดในฐานะของคนที่เติบโตมากับการ์ตูนดิสนีย์ โดยเฉพาะความเป็นเจ้าหญิงดิสนีย์และสวนสนุก Disneyland ที่ยืนหนึ่งเรื่องความอลังการ และกลิ่นอายของดินแดนในจินตนาการ เรียกได้ว่าไม่มีเด็กคนไหนไม่ชอบไป Disneyland ด้วยความแข็งแรง(มาก)ของ Brand Identity ที่มีมาอย่างยาวนาน
ทำให้เราก็ได้เจอกับ Disney อยู่กระจัดกระจายเต็มไปหมดในรูปแบบ User-Generated Content ตาม Community คนรักดิสนีย์ รวมไปถึงกลุ่ม Content Creators ตามช่องทางโซเชียลต่างๆ อย่าง TikTok ที่คนส่วนใหญ่มักจะเอา Characters Disney แต่งตัวตามเจ้าหญิงบ้าง หรือการเอาเจ้าหญิงมาทำ Memes จนไปถึงการนำเพลง Covers หรือการใช้เพลงของ Disney ในการประกวดการแข่งขันโชว์ร้องเพลงต่างๆ ที่มีให้เห็นเต็มไปหมด
จะเห็นได้เลยว่าการทำการตลาดและทำธุรกิจที่ดี สิ่งสำคัญที่สร้างคือ Branding ของเราให้แข็งแรงก่อน การที่คนให้ความสำคัญกับแบรนด์ของเรา มันก็เท่ากับว่าพวกเขารักแบรนด์เราและพร้อมที่จะสนับสนุนเราไปนานๆ สิ่งที่จะตามมาก็คือ การก่อตัวจนเป็น Community และการขยายเครือข่ายออกไปเป็นมุมกว้าง ด้วยการบอกต่อ
ทีนี้ก็ไม่ต้องมีอะไรน่ากังวลแล้วเมื่อ Disney+ เข้ามาในไทย เพราะมีเหรอที่กลุ่มแฟนพันธุ์แท้ทั้งหลายจะไม่ Subscribe และสนับสนุนผลงานด้วยความเต็มใจ
ภาพจำของ Branding ที่แข็งแรง ที่ทำให้แตกต่างจากแพลตฟอร์มอื่น
เมื่อเรานึกถึง Disney ก็จะนึกถึงการ์ตูนที่เราเคยดูตั้งแต่ตอนเด็กๆ ตัวละครหรือเจ้าหญิงที่เราเคยชื่นชอบ รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ที่เป็นลิขสิทธิ์ของ Disney เอาที่เด็กส่วนใหญ่มักจะมี เช่น กระเป๋านักเรียน ปากกา กล่องดินสอ กระติกน้ำลายเจ้าหญิง แต่ไม่ว่ามองจากซีกโลกไหนก็สามารถดูออกว่ามาจาก Disney สิ่งเหล่านี้ทำให้เรานึกย้อนกลับไปในอดีต เหมือนเป็นภาพจำดีๆในวัยเด็ก คิดย้อนไปทีไรก็มีความสุข อยากย้อนเวลาอีกเรื่อยๆ เหมือนคนที่ไป Disneyland กี่ครั้งก็ไม่เบื่อ
ซึ่งถ้าพูดกันตรงไปตรงมา Content ใน Netflix หรือแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอื่นๆ นั้นมีภาพจำที่ไม่ได้แข็งแรงเท่า Disney เท่าไหร่ จุดนี้แหละที่จะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำไมคนถึงอยากจะ Subscribe ให้กับ Disney+ เพิ่ม มันคือความเป็น Original Content ที่ดั้งเดิมต่างกับ Original Content ในบริบทของ Netflix
ความ “รู้ใจ” และ “รู้จัก” ที่จะต่อยอดและหาผลประโยชน์ต่อไป
เราจะสังเกตได้ว่าที่ผ่านมา Disney กำลัง Remake การ์ตูนเจ้าหญิงแทบจะทุกเรื่องในเวอร์ชันที่อัพเดทกับตลาดปัจจุบัน เรียกง่ายๆ ก็คือการใช้คนแสดงมากกว่าแค่ภาพ Animation หรือการ์ตูนนั่นเอง
อย่างล่าสุด Disney ได้นำการ์ตูนในตำนานอย่างเรื่อง Aladdin , Mulan , Beauty and the Beast ซึ่งมันก็ทำให้เห็นได้ว่า Disney รู้จักผลงานของตัวเองเป็นอย่างดี เขารู้ว่า คนชอบอะไร อยากดูอะไร แล้วนำเรื่องนั้นๆมาทำใหม่ให้มีความอลังการกว่าเดิม เสมือนจริงกว่าเดิม
โดยเนื้อเรื่องส่วนใหญ่จะเปลี่ยนให้ทันยุคทันสมัยมากขึ้น
ความน่าสนใจก็คือ เมื่อมีคนรู้ว่าหนังเรื่องนี้ได้ทำการ Remake และกำลังจะเข้าโรงในอีกไม่นาน คนส่วนใหญ่จะไปหาเวอร์ชัน Original ดูก่อน หรือ พอออกจากโรงหนัง ก็กลับมาย้อนดูการ์ตูนต่อ โดยความอยากรู้ว่ามันต่างกันอย่างไร แบบนี้ Disney+ ก็มี Content แบบคูณสองจากทุกๆเรื่องเก่าที่เป็น Blockbuster อยู่แล้ว สามารถขายได้ด้วยตัวมันเอง
ถ้าให้พูดเกี่ยวกับ Disney ต่อก็คงจะยาวไปหลายตอน เอาเป็นว่า ทั้งหมดนี้คือกลยุทธ์การตลาดส่วนหนึ่งจากแบรนด์ Disney ที่กำลังจะปล่อยแพลตฟอร์ม Disney+ ในไทยมาให้เราได้เสียเงินเพิ่มเร็วๆนี้ แต่จากกระแสในสื่อออนไลน์แล้ว แอดคิดว่ากระแสของ Disney+ จะต้องปังแบบแซงโค้งปาดหน้า Netflix แน่นอน
เพราะล่าสุดไปแอบดู Search Trends คร่าวๆ พบว่ามียอดการค้นหาพุ่งขึ้นแซงการค้นหาถึง Netflix ไปแล้ว เนี่ยแหละที่เขาเรียกว่า ตำนานที่ฆ่าไม่ตายของจริง!